J♂hnnŸ F@ng's Site - Johnny's Reviews: "ข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเปาบุ้นจิ้นมีการบันทึกไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการแต่งไว้ในรูปแบบเรื่องเล่า นิทานพื้นบ้าน หรืองิ้วที่สืบทอดต่อกันมามากมายเกือบพันปี
แต่ไม่ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะแปลกออกไปเพียงใด
เนื้อแท้ก็ยังสะท้อนความจริงที่ว่าสังคมต้องการยกย่องคนทำดี
และมีความชื่นใจที่คนทำชั่วได้รับผลกรรม
ปัจจุบัน เปาบุ้นจิ้นได้รับการเคารพยกย่องเสมือนเทพเจ้าองค์หนึ่ง
ทั้งจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ชาวจีนโพ้นทะเล และชนชาติอื่นๆ แม้แต่ชาวไทย
ในหนังสือประวัติศาสตร์จีน กล่าวว่า
'เปาบุ้นจิ้นเป็นคนตรงไปตรงมา รังเกียจข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวงและกดขี่ขูดรีดประชาชน
แต่แม้ท่านจะเกลียดคนเลว แต่ท่านก็มิใช่คนดุร้าย
ท่านเป็นคนซื่อสัตย์และให้อภัยคนทำผิดโดยไม่เจตนา ท่านไม่เคยคบคนง่ายๆ อย่างไร้หลักการ
ไม่เสแสร้งทำหน้าชื่นและป้อนคำหวานเพื่อเอาใจคน
ท่านมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน
จึงไม่มีฝักไม่มีฝ่าย แม้ว่ายศฐาบรรดาศักดิ์ของท่านจะสูงส่ง
แต่เสื้อผ้า เครื่องใช้และอาหารการกินของท่านก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อครั้งยังเป็นสามัญชนเลย
เปาบุ้นจิ้นนับว่าเป็นคนที่มีอายุยืนยาวคนหนึ่ง ซึ่งมีอายุถึง 105 ปีก่อนจะสิ้นใจ'
บุคคลผู้ี่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์จีนท่านนี้ มีชื่อจริงว่า เปาเจิ่ง (包拯)
มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ.999-1062 สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (北宋)
เป็นชาวเมืองเหอเฝย (合肥市) ในมณฑลอันฮุย (安徽省)
ท่านเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์และยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
แม้ท่านจะเกิดมาในยุคสมัยที่ฮ่องเต้ทรงอ่อนแอ อำนาจอยู่ในมือกังฉิน
แต่ท่านก็มีความเด็ดขาด ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ
แม้แต่ฮ่องเต้และเชื้อพระวงศ์ยังทรงเกรงพระทัยในบารมีของท่าน
จนมีสำนวนจีนที่ว่า '铁面无私' (เถี่ยเมี่ยนอู๋ซือ)
หมายถึง 'ผู้ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ยุติธรรม ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม
ตลอดจน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน'
เมื่อท่านสิ้นชีพแล้ว ทุกคนต่างเคารพท่านในฐานะเทพจ้าแห่งความยุติธรรม
จนเป็นที่เลื่องลือมาถึงปัจจุบัน ชาวจีนให้ความเคารพโดยเรียกท่านว่า 'เปากง (包公)'
และสรรเสริญตลอดจนให้สมญานามท่านว่า 'เปาชิงเทียน (包青天)' (ท่านเปาผู้ค้ำฟ้า)
ส่วนคำว่า 'เปาบุ้นจิ้น' นั้น เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อท่านในสำเนียงแต้จิ๋ว ภาษาจีนกลางออกเสียงว่า 'เปาเหวินเจิ่ง (包文拯)'
ตามประวัติศาสตร์กล่าวกันว่า
เมื่อท่านเกิดมามีหน้าตาดำคล้ำพร้อมกับแผลเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกลางหน้าผาก
แต่โครงหน้าของท่านหล่อเหลา กอปรกับท่านมีสติปัญญาดีตั้งแต่เด็ก
ภายหลังท่านก็สามารถสอบไล่ได้เป็นจอหงวน (状元) ในระดับจิ้นซื่อ (进士)
ซึ่งเป็นตำแหน่งบัณฑิตสูงสุดในสมัยนั้น
และได้รับพระราชทานช่อดอกไม้ทองเสียบหมวกจากเหยินจงฮ่องเต้ (仁宗皇帝)
ท่านรับราชการในฝ่ายบริหารเป็นเวลา 45 ปี
เริ่มตั้งแต่นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ตรวจราชการแผ่นดิน เจ้าเมืองไคฟง เสนาบดีการคลัง เป็นต้น
แต่ประวัติของท่านส่วนใหญ่เป็นการตัดสินคดีความ แม้ในความเป็นจริง ท่านไม่ได้มีอาชีพเป็นตุลาการเลยก็ตาม
แต่เพราะความยุติธรรม เด็ดเดี่ยว และกล้าตัดสินใจของท่าน ทำให้ผู้คนต่างพากันยกย่อง
และมีเรื่องมาคอยร้องทุกข์ต่อเปาบุ้นจิ้นเสมอ
นอกเหนือจากการตัดสินคดีอย่างตรงไปตรงมาแล้ว
ท่านยังมีชื่อเสียงในฐานะข้าราชการตงฉินผู้ซื่อสัตย์
ไม่เคยรับสินบนใดๆ แม้จะเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม
ท่านมีหลักในการบริหารว่า 'จิตใจสะอาด บริสุทธิ์ คือหลักแก้ไขปัญหามูลฐาน
ความเที่ยงตรงเป็นหลักในการดำเนินชีวิต จงจดจำบทเรียนในประวัติศาสตร์ไว้ อย่าให้คนรุ่นหลังเย้ยหยันได้'
นครเจิ้งโจว (郑州市) เคยเป็นเมืองหลวงเก่าแห่งสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือเมื่อปี ค.ศ.960-1127
ในนครแห่งนี้มีศาลที่เป็นที่พำนักของเปาบุ้นจิ้นผู้ทรงคุณธรรมแห่งแผ่นดินมังกร
นั่นคือ “ศาลไคเฟิง/ไคฟง (开封府)” นั่นเอง
ปัจจุบันศาลไคเฟิงอยู่ในอำเภอไคเฟิง (开封县) เมืองเจิ้งโจว (郑州市) มณฑลเหอหนาน (河南省) ประเทศจีน
แต่ศาลไคเฟิงเดิมที่เปาบุ้นจิ้นเคยตัดสินคดีความที่เห็นกันในหนังนั้น จมน้ำไปแล้ว เพราะถูกน้ำท่วมใหญ่จากแม่น้ำหวงเหอ หรือแม่น้ำฮวงโห (黄河)
อาคารบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ ของนครแห่งนี้จึงถูกกระแสน้ำจากแม่น้ำวิปโยคพัดพังพินาศไม่เหลืออะไรเลย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองไคฟงถูกลดฐานะมาเป็นอำเภอหนึ่งของเมืองเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑลเหอหนานในปัจจุบัน
ภายในศาลไคเฟิง มีหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลในศาลครบทุกท่าน
นอกจากนี้ หน้าห้องตัดสินคดีความยังมี “เครื่องประหาร 3 แบบ 1 ความตาย” นั่นคือ
เครื่องประหารหัวมังกร (สำหรับประหารเชื้อพระวงศ์)
เครื่องประหารหัวพยัคฆ์ (สำหรับประหารขุนนางข้าราชการ)
และเครื่องประหารหัวสุนัข (สำหรับคนทั่วไป) จัดแสดงไว้ด้วย
ศาลไคเฟิงใหม่ในปัจจุบันนี้ จึงสร้างขึ้นโดยจำลองจากศาลไคเฟิงเดิมทุกประการ
แต่มีขนาดเล็กกว่าศาลไคฟงเดิม 1 เท่า สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ยังคงรักษาไว้ซึ่ง
รูปลักษณ์แบบโบราณ ทั้งอาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง รวมถึงการวางผังเมือง
บริเวณด้านหลังศาลไคเฟิง มี “ชิงซินโหลว (清心楼)” หรือ “บ้านใจบริสุทธิ์”
เป็นหอสูง 4 ชั้น ซึ่งกล่าวกันว่าอาคารสูงหลังนี้ คือ บ้านของเปาบุ้นจิ้นนั่นเอง
ภายในหอชั้นที่ 1 จะมีรูปปั้นเปาบุ้นจิ้นตั้งตระหง่านอยู่
รูปปั้นนี้หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ สูง 3.8 เมตร หนัก 5.6 ตัน
นับว่าเป็นรูปปั้นที่หนักที่สุดในแผ่นดินจีน
สร้างไว้เพื่อให้สมเกียรติกับผู้ทรงความยุติธรรมอันหนักแน่นของแผ่นดินอย่างแท้จริง
ศาลไคเฟิงใหม่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองเจิ้งโจวอีกด้วย
เพราะในเวลา 09.00 น. จะมีการจำลองเรื่องราวของท่านเปามาแสดงที่ศาลไคเฟิงแห่งนี้ด้วย
จะมีเปาบุ้นจิ้น (ใช้คนแต่งเป็นท่าน) ออกมาเปิดศาลและรับเรื่องราวร้องทุกข์
เหมือนที่เห็นในภาพยนตร์หรือละครทุกประการ
ในภาพยนต์หรือละคร ที่เราๆ ท่านๆ ได้ดู ได้ชมนั้น
การตัดสินคดีความของท่านผู้ผดุงความยุติธรรม
ภายใตู้้ชายหน้าดำ หน้าผากมีรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ไร้ซึ่งรอยยิ้มเจือปนบนใบหน้า
แต่นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความยุติธรรมและความเมตตาอย่างเปาบุ้นจิ้นนั้น
หลายครั้งหลายคราท่านก็แก้คดีความไม่ตก
ท่านจึงมีบัณฑิตปัญญาชนผู้เฉียบแหลม “กงซุนเช่อ (公孙策)” เป็นกุนซือที่ปรึกษาอยู่เคียงข้าง
เพราะกงซุนเช่อเป็นคนละเอียดรอบคอบ มองการณ์ไกล และมีไหวพริบเป็นเลิศ
จึงช่วยคลี่คลายคดีต่าง ๆ ให้แก่เปาบุ้นจิ้นได้อย่างเที่ยงธรรม
ด้วยความที่ท่านเปาเป็นคนยุติธรรมและเที่ยงตรง ขุนนางตงฉินและราษฎรต่างเคารพรัก
แต่ขุนนางกังฉินกลับเกรงกลัวและจงเกลียดจงชังท่านเปาเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นท่านเปาจึงมี “จั่นเจา (展昭)” แมวหลวง 9 ชีวิต (御猫)
ผู้มากด้วยวิทยายุทธ์ คอยปกป้องพิทักษ์รักษาท่านเปายามมีภัย
นอกจากนี้ ยังมี “หวังเฉา (王朝) หม่าฮั่น (马汉) จางหลง (张龙) จ้าวหู่ (赵虎)”
สี่ทหารองครักษ์ อยู่เคียงข้างตลอดเวลาอีกด้วย
กลับมาฉายใหม่กี่รอบๆ ก็มีคนดูตลอด
ภาพยนตร์อิงประุวัติศาสตร์ อิงข้อมูลจริง
อย่างไรเสีย .... ก็เป็นอมตะนิรันดร์กาล อยู่้ดี
แต่ดูแล้ว ก็อย่าดูเพลิน เป็นดีที่สุด
นำข้อคิดที่ได้ มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย เป็นดีที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำนวนจีนที่ว่า
'铁面无私' (เถี่ยเมี่ยนอู๋ซือ)
'ผู้ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ยุติธรรม ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม
และความไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน'"
วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)